การจัดทำแผนการฝึกทางกลุ่มครูผู้สอนจัดทำแผนการฝึกโดยการแก้ปัญหามาตลอด
ในแนวทางปฏิบัติจะนำเอาปัญหาของแต่ละสถาบันมาวิเคราะห์ก่อน
ว่าเกิดปัญหาอะไรบ้างแล้วนำเอาปัญหาเหล่านั้นมาแก้ไขแล้วจึงลงมือปฏิบัติ
คือ เมื่อไม่มีเวลาในการฝึกซ้อมเพราะปัญหาการจัดระบบการเรียนของโรงเรียน
จึงแก้ปัญหาตรงจุดนี้ด้วยการเข้าค่ายฝึกซ้อมถึงจะแก้ปัญหาได้
ด้านค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารนั้นทางโรงเรียนจะเลี้ยงมื้อเย็น 1 มื้อ
ส่วนเช้าและกลางวันนักเรียนจะเป็นผู้รับผิดชอบเองเพราะเป็นเวลาเรียนปกติ
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดสมาคมเป็นผู้จ่ายให้
โรงเรียนที่ 3 การวางแผนในการจัดทำแผนการฝึกประจำปีจะต้องวางโครงการว่าใน 1
ปี จะทำอะไรบ้าง แล้วแบ่งเนื้อหา ระยะเวลา และปฏิบัติตามแผนที่วางไว้
ประกอบด้วย พื้นฐานเบื้องต้น ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 - 3 เดือน
หลังจากนั้นจะแบ่ง Section ให้นักเรียนได้ฝึกซ้อมตามกระบวนการ
โดยมีกลุ่มครูผู้สอนร่วมกับนักเรียนรุ่นพี่ที่มีความสามารถที่ฝึกรุ่นน้อง
ได้ แบ่งให้รับผิดชอบในแต่ละ Section และการรวม Section เป็น Part แต่ละ
Section แต่ละ Part จะมีหัวหน้ากลุ่มเป็นผู้ดูแลการฝึก
และนอกจากนั้นยังจัดให้มีหัวหน้าแผนกรับผิดชอบในส่วนต่างๆ
การกำหนดวันเวลาในการฝึก วันจันทร์ - วันศุกร์ ฝึกซ้อมวันละ 1 ชั่วโมง
คือระหว่างเวลาเวลา 17.00 - 18.00 น
ทั้งนี้เพราะนโยบายของโรงเรียนวางไว้ว่าช่วงระหว่างเวลา 16.00 - 17.00 น.
เป็นเวลาที่นักเรียนทุกคนในโรงเรียนต้องเรียนพิเศษ
จึงไม่สามารถฝึกซ้อมในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
เพราะต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนวงโยธวาทิตได้เรียนพิเศษด้วย
จึงมีการฝึกซ้อมเพียงวันละ 1 ชั่วโมง ถึงแม้ว่าจะมีเวลาในการฝึกซ้อมจะน้อย
แต่การกำหนดเนื้อหาสาระในการซ้อมจะให้วันละไม่เกิน 2 - 3 บรรทัด
การฝึกซ้อมจะเน้นในเรื่องของแบบฝึกหัดในระยะที่นักเรียนเริ่มฝึกใหม่
เมื่อฝึกได้ 2 - 3 เดือน จะเริ่มให้ฝึกบทเพลงโดยเริ่มจากเพลงพื้นฐานง่ายๆ
ไปสู่เพลงที่ยากขึ้นตามลำดับ
วันเสาร์ 09.00 - 16.00 น.
การวางแผนการฝึกค่อนข้างสมบูรณ์เพราะมีเวลามากพอสมควร
ช่วงนี้จะฝึกระเบียบแถว ซ้อมบทเพลง การแปรขบวน และอื่นๆ
การเข้าค่ายเพื่อติวเข้มเรื่องนี้ทางโรงเรียนเน้นมากเพราะเห็นความสำคัญว่า
การเข้าค่ายจะมีเวลามากเพียงพอกับการฝึกซ้อม
นักเรียนจะได้รับความรู้มากกว่าวันธรรมดาที่มีการซ้อมเพียง 1 ชั่วโมง
ถือเป็นการทดแทนเวลาที่เสียไป ระยะเวลาที่เข้าค่ายจะเข้าปีละ 2 ครั้ง คือ
เดือนตุลาคม และเดือนเมษายน จะฝึกซ้อมรวมกันทั้งหมด
ผู้ที่ฝึกใหม่จะได้รับการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องประมาณ 6 เดือน
นักเรียนจะออกงานในพิธีการที่ง่ายๆได้
โรงเรียนที่ 4 การจัดทำแผนการฝึก โดยฝึกซ้อมวัน 1 ชั่วโมงครึ่ง
ระหว่างเวลาเวลา 16.30 - 17.40 น.
การฝึกซ้อมประจำวันส่วนใหญ่จะซ้อมแบบฝึกหัด
โดยกำหนดไว้ก่อนว่าในแต่ละวันจะสอนอะไรให้กับนักเรียน เช่น การเป่าเสียงยาว
(Long Tone) การใช้ลิ้น (Tunging) หรือการใช้ลม (Slur) เป็นต้น
การสอนจะสอนพร้อมกันบนกระดานดำ เพราะการแยก Section
นั้นไม่มีเวลาปฏิบัติมากนัก นอกจากมีกรณีพิเศษอย่างเช่นต้องไปออกงาน
หรือมีเพลงใหม่เพิ่มก็จะแจกโน้ตให้นักเรียนได้ดูในช่วงระยะเวลาหนึ่งเพื่อ
ให้ได้ผ่านสายตา แล้วจึงซ้อมรวมวงซึ่งค่อนข้างจะช้ามาก
แต่ต้องปฏิบัติแข่งกับเวลาที่มีอยู่ไม่มากนักจึงต้องใช้วิธีการสอนดังกล่าว
ข้างต้น
การวางแผนการฝึกได้วางโครงการไว้ตลอดปี คือได้คาดไว้ว่าถึง ณ
จุดนั้นๆควรจะมีพัฒนาการไปมากน้อยระดับไหน
แต่ละปีเป้าหมายของการซ้อมจะอยู่ตรงจุดไหน
เพลงที่ต้องฝึกซ้อมเพื่อใช้งานจะได้ประมาณกี่เพลง
ต้องกำหนดไว้ก่อนตั้งแต่ก่อนเปิดภาคเรียน
ลักษณะที่วางไว้คือการใช้ฝึกกับนักเรียนเก่าที่ฝึกมาแล้ว 1 ปี
ส่วนนักเรียนใหม่จะฝึกความรู้เบื้องต้น
และจะเข้ารามวงในตอนหลังปีใหม่โดยเข้ามาฝึกร่วมกับรุ่นพี่เริ่มด้วยแบบ
ฝึกหัดง่ายๆ
การวางแผนในการกำหนดการเรียนการสอน
ได้กำหนดการสอนทฤษฎีและปฏิบัติให้กระทำไปพร้อมๆกัน
การใช้แบบฝึกหัดประกอบการฝึกซ้อมปัจจุบันถือว่าได้ผลดีมาก
เพราะไม่เสียเวลามากนัก ความรู้ที่นักเรียนได้รับจะเรียนรู้ไปพร้อมๆกันทั้ง
2 อย่างในเวลาเดียวกัน นักเรียนจะฝึกตามขั้นตอนคือ
เริ่มจากแบบฝึกหัดที่ง่ายไปสู่แบบฝึกหัดยากขึ้น
คำศัพท์ทางดนตรีและเครื่องหมายต่างๆนักเรียนจะเรียนรู้ได้ในแบบฝึกหัดแต่ละ
บท ในขณะเดียวกันนักเรียนจะได้ปฏิบัติไปพร้อมกัน
ไม่ต้องเสียเวลาในการเรียนทฤษฎีก่อน เมื่อจบแล้วจึงมาเริ่มปฏิบัติ
บางครั้งอาจลืมสิ่งต่างๆที่เรียนมาแล้วก็ต้องกลับไปเริ่มต้นทบทวนใหม่
เนื้อหาส่วนใดที่ยากต่อการทำความเข้าใจด้วยตนเอง
ครูผู้สอนจะอธิบายเสริมให้นักเรียนได้เข้าใจ
เพราะเรื่องบางเรื่องนักเรียนอ่านแล้วจะไม่เข้าใจยิ่งขึ้น
ครูผู้สอนจึงมีส่วนในเรื่องดังกล่าว
การจัดทำแผนการฝึก จะดำเนินการในแผน 1 ปี
โดยตั้งเป้าไว้ว่าตอนปลายปีจะมีการโชว์ 1 ครั้ง
และต้องกำหนดว่าต้องใช้เพลงในการโชว์ทั้งหมดกี่เพลง
แนวทางในการแปรขบวนเป็นไปในรูปแบบใด การโชว์จะกำหนดในช่วงเดือนพฤศจิกายน
การเริ่มฝึกซ้อมเพลงในช่วงประมาณเดือนสิงหาคม ถึงเดือนตุลาคม
หลังจากนั้นจึงดำเนินการฝึกภาคสนาม
สิ่งที่กล่าวมาคือการโชว์ปกติที่จะต้องทำทุกปี
ไม่ได้ฝึกซ้อมเพื่อการแข่งขัน แต่ทางโรงเรียนได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าใน 1 ปี
ต้องจัดทำรูปแบบการแปรขบวนอย่างน้อย 1 ชุด
ที่ต้องทำเช่นนี้เนื่องจากนักเรียนจะได้ไม่ขาดประสบการณ์
จากเป้าหมายที่ตั้งไว้จะนำมาแบ่งย่อยเป็นตารางการฝึกซ้อมรายเดือน
โดยคาดหวังว่าภายใน 1 เดือน นักเรียนจะเรียนรู้ได้มากน้อยเพียงใด
ความสามารถทางการรับรู้ของนักเรียนน่าจะพัฒนาไปในระดับใด
สิ่งที่นักเรียนยังขาดในบางเรื่องต้องเสริมให้เข้าใจยิ่งขึ้น
และการวางโครงการดังกล่าวต้องประเมินล่วงหน้าว่าจำนวนสมาชิกที่จะใช้ในการ
โชว์มีทั้งหมดกี่คน
เพื่อเตรียมเสริมสมาชิกในปีต่อไปตามเป้าหมายที่จะดำเนินการ
ขอบเขตของการโชว์อยู่ในระดับไหน
จึงต้องพยายามเสริมให้ได้จำนวนนักเรียนตามความต้องการ
ถ้าไม่ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดผลเสียจะเกิดขึ้น ซึ่งจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้
และจะมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ตลอดไป
การเข้าค่ายฝึกซ้อม
จากการจัดทำแผนการฝึกเดิมที่วางไว้การฝึกซ้อมจะกำหนดตอนสอบเสร็จแล้วเริ่ม
ฝึกซ้อม แต่ละครั้งมีการกำหนด 5 วัน หรือ 10 วัน ก่อนให้นักเรียนกลับบ้าน
การฝึกซ้อมดังกล่าวไม่ได้ผลเท่าที่ควรจึงใช้วิธีการใหม่ คือ
ถ้าเข้าตอนก่อนเปิดภาคเรียนจะได้ผลดีกว่า
เพราะเมื่อออกจากค่ายฝึกซ้อมแล้วจะสามารถซ้อมต่อในช่วงวันปกติเพราะเป็นช่วง
ต่อกับการเปิดเรียนพอดี
แต่ถ้าซ้อมตอนเริ่มปิดภาคเรียนเมื่อออกจากค่ายแล้วนักเรียนจะทิ้งไปนาน
การฝึกซ้อมจะไม่ต่อเนื่อง ช่วงระยะเวลาการฝึกซ้อมที่เหมาะสมคือ
ประมาณต้นเดือนพฤษภาคม
การซ้อมในช่วงนี้เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะฝึกซ้อมตามแผนการฝึก
และตามกระบวนการที่วางไว้ต่อไป ครั้งที่ 2 คือ เดือนตุลาคม มี 2
ระบบที่สามารถกระทำได้ คือระบบการซ้อม 6 วัน พัก 1 วัน
และอีกระบบหนึ่งคือซ้อม 10 วัน แล้วปล่อยนักเรียนกลับบ้าน
จากที่ทดลองใช้ทั้ง 2 ระบบ การซ้อม 6 วัน พัก 1 วัน
ทั้งเดือนที่ปิดภาคเรียน และอาทิตย์สุดท้ายจะหยุด 5 วัน จะดีกว่าระบบซ้อม
10 วัน การซ้อมแบบหลังคือฝึกซ้อม 10 วัน ไม่ได้ผลเท่าที่ควร
เพราะการจัดกิจกรรมในการฝึกไม่ต่อเนื่อง
การฝึกซ้อมในเวลาเรียนไม่มีอยู่ในแผนการฝึก
แต่บางครั้งต้องใช้เวลาเรียนมาฝึกซ้อมดนตรีเป็นครั้งคราว
ถ้าเวลาที่ต้องฝึกซ้อมไม่พอจริงๆ ในกรณีที่มีงานเร่งด่วนเข้ามา
หรือกิจกรรมที่จะทำนั้นมีความสำคัญมาก
การบริการชุมชน บางครั้งที่มีผู้ขอใช้บริการมามักได้รับคำปฏิเสธ
เพราะเป็นเวลาเรียน
แต่ถ้าเป็นงานของผู้มีบุญคุณต่อโรงเรียนจริงๆก็ไม่อาจปฏิเสธได้
ส่วนราชการที่ขอใช้บริการมามีน้อยมาก เพราะมีวงรองรับหลายวง
นอกจากมีงานรับเสด็จฯ ทางจังหวัดจึงจะใช้บริการวงโยธวาทิตของโรงเรียน
โรงเรียนที่ 5 การจัดทำแผนการฝึกต้องมีการวางแผนที่ดี
ทั้งนี้เพื่อให้งานที่ออกมามีคุณภาพ
ดังนั้นครูผู้สอนต้องวางแผนและกำหนดเป็นเกณฑ์หรือเป็นแนวทางในการปฏิบัติ
โดยกำหนดแผนการฝึกซ้อมไว้ 1 ภาคเรียน โดยมีขั้นตอนการดำเนินงาน คือ
1. การวางแผนระยะยาว จะนับวันถอยหลังโดยทำเป็นตารางว่าวันไหนทำอะไร
2. ในเวลาเรียนปกติ ใช้เวลาฝึกซ้อมวันละ 2 ชั่วโมง คือระหว่างเวลา 15.45 -
17.45 น. เฉพาะวันจันทร์ - พุธ - ศุกร์ ซ้อมนั่งบรรเลง วันอังคาร -
วันพฤหัสบดี ซ้อมภาคสนาม ส่วนวันพุธบางครั้งนักเรียนจะประชุมสวดมนต์
วันเสาร์
การฝึกซ้อมจะกำหนดโดยจะสลับกันระหว่างการซ้อมนั่งบรรเลงและการซ้อมเดิน
บรรเลง
3. วันเสาร์ใช้ช่วงเวลาครึ่งวันบ่ายในการฝึกซ้อม บางครั้งใช้เต็มวัน ถ้ามีงานที่เร่งด่วนจะใช้วันอาทิตย์อีก 1 วัน ในการฝึกซ้อม
โรงเรียนที่ 6 การฝึกซ้อมหลังโรงเรียนเลิก ซ้อมตั้งแต่วันจันทร์ -
วันศุกร์ ซ้อมวันละ 1.30 ชั่วโมง คือระหว่างเวลา 15.30 - 17.00 น.
การฝึกซ้อมในวันเสาร์ ซ้อมครึ่งวันเช้า ระหว่างเวลา 09.00 - 12.00 น. วันอาทิตย์ไม่มีการฝึกซ้อม
การเข้าค่ายฝึกซ้อมจัดในเดือนตุลาคม โดยใช้ระยะการฝึกประมาณ 7 วัน
และเดือนเมษายน ประมาณ 15 วัน เป้าหมายคือฝึกทักษะในการบรรเลง
ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ไม่มีจุดมุ่งหมายในการฝึก
ทุกคนจะทราบดีว่าเดือนเมษายนเป็นการฝึกซ้อมเพื่อเตรียมรับน้องใหม่
เป็นการฝึกหัวหน้า Section หัวหน้า Part ใหม่
ที่ต้องมีการอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมในการที่จะฝึกซ้อมนักเรียนในเดือน
พฤษภาคม บทบาทที่สำคัญคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ส่วนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 - 6
จะเป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือในการฝึกซ้อม
เดือนตุลาคมเป็นการฝึกซ้อมที่จะเน้นเรื่องการแปรขบวน (Display)
และการนั่งบรรเลง (Concert) หรือการเตรียมพร้อมในช่วงที่มีงานเข้ามามาก
คือเดือน
พฤศจิกายน และ เดือนธันวาคม เดือนมกราคมกิจกรรมทุกอย่างจะงด
และกุมภาพันธ์จะปิดวง
เนื่องจากเป็นช่วงที่นักเรียนต้องเตรียมความพร้อมในการสอบปลายภาคเรียน
โรงเรียนที่ 7 การจัดทำแผนการฝึกมีแผนการฝึกตลอดปี
ว่าช่วงไหนจะปฏิบัติในเรื่องใด อย่างไร เป็นการกำหนดคร่าวๆ
แต่ในทางปฏิบัติยังไม่มีแผนการฝึกซ้อมที่ตายตัว
การปฏิบัติคือเปิดเทอมใหม่จะต้องฝึกนักเรียนใหม่ก่อน เพราะมีปัญหามาโดยตลอด
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่จบการศึกษาจะออกไปศึกษาต่อที่อื่น
เมื่อเปิดเทอมใหม่ก็ต้องฝึกนักเรียนใหม่
ส่วนนักเรียนเก่าจะได้พบครูผู้สอนอย่างมากสัปดาห์ละครั้ง
เมื่อนักเรียนใหม่เริ่มเข้าวงได้จะเข้าไปรวมวง
และฝึกซ้อมร่วมกับนักเรียนเก่าที่จะพัฒนาในด้านทักษะต่อไป
การฝึกหลังโรงเรียนเลิกใช้เวลา 1.ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างเวลา 16.00 - 17.30
น. การฝึกในวันเสาร์ฝึกตลอดวัน ส่วนตารางการฝึกซ้อมแล้วแต่ความเหมาะสม เช่น
ตอนเช้าอาจซ้อมภาคสนาม ตอนบ่ายซ้อมนั่งบรรเลง
ซึ่งแผนจะปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาแต่ตัวโครงสร้างของแผนการฝึกซ้อมมี
สิ่งที่เป็นตัวแปรคือมีงานเร่งด่วนเข้ามา
จุดนี้จะทำให้ตารางต้องเปลี่ยนแปลงมาตลอด
บางครั้งไม่สามารถปฏิบัติตามแผนการฝึกที่กำหนดไว้ได้
การเข้าค่ายฝึกเพื่อติวเข้มไม่ได้ดำเนินการในส่วนนี้
แต่ถ้ามีการส่งวงเข้าประกวดถึงจะมีการเข้าค่าย
ส่วนใหญ่จะซ้อมเป็นประจำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่มีการเข้าค่าย
และไม่ทำการฝึกซ้อมในเวลาเรียนโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้เพราะไม่ได้มุ่งเน้นการเรียนดนตรีอย่างเดียว
ดนตรีเป็นเพียงส่วนหนึ่งในกิจกรรมที่โรงเรียนจัดให้
โดยมุ่งหวังเพื่อความเพลิดเพลินและการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์
การใช้เวลาในชั่วโมงเรียนมาฝึกซ้อมดนตรีมีผลกระทบอย่างมากต่อระบบการเรียน
การสอนในปัจจุบัน
โรงเรียนที่ 8 ระเบียบของวงโยธวาทิต นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
เป็นนักเรียนที่อยู่ในระบบการบริหารวงโยธวาทิต
ระหว่างปิดภาคเรียนจะมีการคัดเลือกหัวหน้าวง
และกำหนดให้มีคณะกรรมการแผนกต่างๆ ให้มีหน้าที่ควบคุมดูแล
ส่วนนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จะให้พัก
เพราะนักเรียนต้องเตรียมตัวในการสอบเพื่อศึกษาต่อ
บางครั้งเท่านั้นที่จะเข้ามาช่วยวงบ้างในบางโอกาสถ้ามีเวลา
นักเรียนที่รับเข้ามาใหม่จะไม่ให้เข้าประจำเครื่องดนตรี
แต่จะฝึกในเรื่องพื้นฐานเบื้องต้น
นักเรียนจะเริ่มเข้าประจำเครื่องดนตรีเมื่ออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
และเริ่มใช้งานได้ประมาณปลายปี การจัดทำแผนการฝึกกำหนดไว้ตลอดปี
และบางปีได้จัดโครงการแสดงคอนเสิร์ต 2 ครั้ง
การจัดเพลงให้นักเรียนได้ฝึกซ้อม ภาคเรียนแรกจะเป็นประเภทเพลง Popular
ส่วนปลายภาคเรียนที่ 2 เป็นเพลงประเภท Classic
ส่วนใหญ่ให้ฝึกซ้อมเพลงที่ง่ายไปจนถึงเพลงที่ยากขึ้น
การฝึกการเดินแถวจะฝึกเป็นบางโอกาสที่จะใช้งานเท่านั้น
ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นในเรื่องของระเบียบวินัย และระเบียบแถว
การสอนภาคทฤษฎีใช้เวลาในขณะที่นักเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ตลอดทั้งปี
นักเรียนเลิกเรียนในเวลา 16.00 น. ทางโรงเรียนจัดตารางเรียนพิเศษให้ 1
ชั่วโมง และให้เวลานักเรียนเตรียมความพร้อมและรับประทานอาหาร
ดังนั้นจะเริ่มการฝึกซ้อมระหว่างเวลา 17.30 - 19.30 น.
ก่อนที่นักเรียนกลับบ้านจะมีการประชุมนัดหมายการซ้อมและจ่ายงานการซ้อมในวัน
ต่อไป กำหนดการซ้อมแถวจะซ้อมสัปดาห์ละ 2 วัน
วันที่เหลือเป็นการซ้อมนั่งบรรเลง
การฝึกซ้อมในวันเสาร์ กำหนดซ้อมระหว่างเวลา 13.00 - 17.00 น. รวม 4 ชั่วโมง
การเข้าค่ายฝึกติวเข้ม เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาความสามารถของนักเรียน
แต่การฝึกซ้อมในเวลาปกติที่ปฏิบัติอยู่เป็นประจำนั้น
นักเรียนจะได้ทักษะที่ดีพอควร
ดังนั้นการเข้าค่ายจะกระทำเมื่อมีงานที่เร่งด่วนเข้ามา
ที่ไม่สามารถซ้อมในเวลาปกติได้ทัน
ซึ่งการเข้าค่ายแต่ละครั้งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นผู้
บริหาร คณะครู อาจารย์ และผู้ปกครองนักเรียน
ระยะเวลาในการเข้าค่ายแต่ละครั้งไม่เกิน 2 สัปดาห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น